“ผมยังจำได้ดีถึงช่วงเวลาที่ได้เดินผ่านห้องทำงาน และห้องครัวของโรงแรมนารายณ์กับคุณย่า เห็นท่านพูดคุยกับพนักงาน พร้อมตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างอย่างตั้งใจ แม้จะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ภาพความทุ่มเทและความห่วงใยในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของท่าน สะท้อนถึงสิ่งที่ครอบครัวเรายึดถือมาตลอด”
“วันนี้ ในวันที่เราเปิดตัว ‘หทัย’ ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและคิดถึง พร้อมตั้งใจจะสานต่อสิ่งที่ครอบครัวเรายึดมั่นและส่งต่อกันมาเสมอ ให้ก้าวไปข้างหน้าในรูปแบบใหม่”
“การวางอนาคตของโรงแรมนารายณ์ สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การตัดสินใจในเชิงธุรกิจ แต่คือการกล่าวคำลาต่ออาคารที่ผูกพันมาตลอดชีวิต ผมเคยวิ่งเล่นในโถงทางเดินตั้งแต่อายุแค่ 3 ขวบ ฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่นั่นทุกปี เก็บเกี่ยวทรงจำมากมายกับคุณปู่คุณย่าที่วันนี้ท่านไม่อยู่แล้ว และเมื่อถึงวันปีใหม่ครั้งแรกที่ไม่มีโรงแรมนารายณ์ ผมกับคุณพ่อก็รู้สึกเหมือนกับหลงทาง เพราะกว่า 30-40 ปีที่ผ่านมา เราเฉลิมฉลองอยู่ที่นั่นเสมอ”
“แต่ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายมากแค่ไหน เราก็ไม่อาจมองข้ามความเป็นจริงในเชิงธุรกิจ โรงแรมนารายณ์คือบ้านของเรามานานกว่าครึ่งศตวรรษ แต่โลกได้เปลี่ยนไป และรูปแบบธุรกิจเดิมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ในตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ ที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรารู้ว่าต้องปรับตัว มิฉะนั้นเราจะตามไม่ทัน”



“หลังจากคิดทบทวนอย่างยาวนาน และการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เราต้องปรับแผนทั้งหมด เราจึงกำหนดตัวตนของ ‘หทัย’ ให้ชัดเจนว่า: ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ยังคงยึดมั่นในความเป็นมิตรแบบดั้งเดิมของเรา พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับทุกคน เป็นการรักษาแก่นสำคัญที่สุดที่เรายึดถือไว้เสมอ นั่นคือความสัมพันธ์ และความทรงจำที่เราได้ช่วยกันสร้าง”
“เราได้เห็นเด็กๆ ที่เคยมาทานข้าวกับครอบครัวที่นี่ เติบโตขึ้น พาคู่ชีวิตมาฉลองแต่งงาน และกลับมาอีกครั้งพร้อมลูกๆ ของเค้า นั่นแหละคือการเดินทางอันงดงามที่เราอยากจะส่งต่อให้กับแขกผู้เข้าพักรุ่นต่อ ๆ ไป”
“สำหรับพนักงานของเรา — ครอบครัวนารายณ์ — เรายังคงมุ่งมั่นจะรักษาสัญญาและประสบการณ์ดี ๆ ที่เรามอบให้กันมาตลอด หลายคนเริ่มต้นจากบทบาทเล็กๆ และค่อยๆ เติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหาร การได้ร่วมเดินทางกับพวกเขา ทั้งในแง่ของชีวิตและอาชีพ คือสิ่งที่เราภูมิใจ และอยากสานต่อไปกับ ‘หทัย’ เช่นกัน”
“เมื่อมองให้ไกลไปกว่าการพัฒนาโครงการใหม่ มันคือความตั้งใจของเราที่อยากจะมีส่วนร่วมในการฟื้นชีวิตให้กับย่านสีลม ซึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพฯ หลังจากที่กระแสดูเหมือนจะหันไปสนใจสุขุมวิทมากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ เราเริ่มเห็นความสนใจใหม่ๆ กลับมาสู่ย่านนี้ และเราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดประกายให้สีลมกลับมาคึกคักอีกครั้ง”
“ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมเคยกลัวว่าการบอกลาตึกเก่าจะทำให้ความทรงจำเก่าๆหายไปด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความทรงจำนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับแขก ทีมงาน หรือคนในคอมมูนิตี้ — สิ่งเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่และกำลังถูกส่งต่อ ที่สำคัญที่สุดผมอยากให้ผู้คนจดจำช่วงเวลาพิเศษที่พวกเขาสร้างขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ช่วยเยียวยาในวันที่เหนื่อยล้า หรือการเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขกับคนที่รัก ความทรงจำทั้งหมดเป็นของพวกเค้าโดยสมบูรณ์ และเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นสถานที่รองรับช่วงเวลาเหล่านั้น “
นี่คือการเริ่มต้นบทใหม่ที่งดงาม — ยินดีต้อนรับสู่ ‘หทัย’