ใช้พื้นที่ที่เคยได้รับการพัฒนาแล้ว จึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลงไปได้

มีบริการสถานีชาร์จยานพาหนะ EV ถึง 5% ของที่จอดรถทั้งหมด

จัดสรรพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กลางแจ้งมากกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม

จัดการน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำกลับมาใช้ในพื้นที่

ใช้มาตรการลดความร้อนสะสม (Heat Island Effect) และมลพิษทางแสงภายในโครงการ (Light Pollution)

ประหยัดน้ำได้มากกว่า 35% ด้วยอุปกรณ์ประหยัดน้ำประสิทธิภาพสูง

งดใช้น้ำประปาสำหรับระบบรดน้ำต้นไม้โดยสิ้นเชิง

นำน้ำกลับมาใช้ใหม่มากกว่า 20% สำหรับระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ (Cooling Towers)

ตั้งเป้าหมายลดการใช้พลังงาน 20% อ้างอิงจากมาตรฐาน ASHRAE

ใช้ระบบปรับอากาศและระบายอากาศประสิทธิภาพสูง (ACMV) และเปลือกอาคารที่มีฉนวนกันความร้อน

บริหารจัดการสารทำความเย็นเพื่อลดการทำลายชั้นโอโซน

วัสดุที่เลือกใช้ทั้งหมดอย่างน้อย 15% มาจากแหล่งรีไซเคิล หรือเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กำจัดขยะวัสดุก่อสร้างได้ถึง 80% โดยไม่ใช้วิธีฝังกลบ

ลดศักยภาพในการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential) ลง 10% ด้วยการวิเคราะห์ตลอดวงจรชีวิตของวัสดุ

รักษาสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่ตลอดพื้นที่โครงการ

มีพื้นที่เปิดโล่งสำหรับระบายอากาศภายนอกมากกว่ามาตรฐาน ASHRAE ประมาณ 30%

ใช้วัสดุที่ปล่อยสารเคมีระเหยต่ำ เพื่อให้อากาศภายในสดชื่น

เลือกใช้ดีไซน์แบบอะคูสติกเพื่อควบคุมคุณภาพเสียงภายในอาคารเพื่อผู้ใช้งานอาคาร

พื้นที่สีเขียวมากกว่า 30% ช่วยกรองอากาศตามธรรมชาติและลดอุณหภูมิ

การเลือกใช้วัสดุที่มีการปล่อยมลพิษต่ำ ร่วมกับกระบวนการก่อสร้างที่สะอาด ช่วยลดสารก่อมลพิษภายในอาคาร

ตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมแสดงผลการทดสอบให้เห็นชัดเจน

ใช้ระบบควบคุมความชื้นและการจัดการเชื้อราภายในอาคาร

จัดจำหน่ายอาหารสดใหม่พร้อมข้อมูลโภชนาการที่ชัดเจน

จัดสรรพื้นที่ขนาด 130 ตารางเมตรภายในโครงการสำหรับปลูกสวนพืชผักที่รับประทานได้

ใช้เทคโนโลยีการจำลองช่วยออกแบบอาคาร เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ออกแบบเพื่อควบคุมแสงแดด และเสริมแสงไฟในจุดที่จำเป็น เพื่อความสบายตาและประสิทธิภาพการใช้งาน

ออกแบบพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมกับสรีระ พร้อมผสานเส้นทางเดินเท้าที่สะดวกและปลอดภัยภายในโครงการ

จัดตั้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ

ตรวจวัดและควบคุมอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง พร้อมแสดงผลแบบเรียลไทม์

ลดความร้อนด้วยพื้นที่สีเขียว และแหล่งน้ำภายในโครงการ

– มีการแบ่งพื้นที่ที่ควบคุมเสียงอย่างเหมาะสม

– เพิ่มระบบกันเสียงในบริเวณที่คนใช้ร่วมกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เสียงไม่รบกวนกัน

จำกัดการใช้แร่ใยหิน (Asbestos), ปรอท และตะกั่วในงานก่อสร้าง

ลดการปล่อยสารระเหยอินทรีย์ (VOC) ด้วยการคัดเลือกวัสดุที่เหมาะสม

ใช้แนวทางการออกแบบที่เชื่อมโยงผู้คนกับธรรมชาติ ผ่านการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ

ผสมผสานพื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการพักผ่อน

ใช้แนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานพื้นที่ได้อย่างสะดวก

การจัดสรรพื้นที่กิจกรรมเพื่อให้ผู้คนได้มาพบปะ พูดคุย หรือร่วมทำกิจกรรมกันในเชิงสร้างสรรค์